ตุ๊กตาไดดาลา (Daidala doll) |
ปิยะแสง เล่าเรื่อง | ||||
วันพุธที่ 11 พฤศจิกายน 2009 เวลา 00:28 น. | ||||
“ตุ๊กตาไดดาลา” (Daidala doll) เป็นชื่อเรียกตุ๊กตาโบราณของกรีก ซึ่งน่าจะเป็นตุ๊กตาที่มีประวัติศาสตร์เก่าแก่มากที่สุดตัวหนึ่งของโลก เพราะมีประวัติศาสตร์ย้อนหลังไปมากกว่า 2,800 ปีล่วงมาแล้ว ตุ๊กตาไดดาลาส่วนใหญ่จะสร้างขึ้นจากไม้แกะสลัก และบ้างก็ทำขึ้นจากดินเผา มีปรากฎค้นพบตั้งแต่ สมัยอาร์เคอิค (Archaic) ของกรีก ลักษณะของตุ๊กตาไดดาลาจะมีลักษณะเป็น ประติมากรรมสาวน้อยสวมกระโปรงยาวแบบชาวกรีกโบราณ มีลำคอที่สูงยาว ช่างปั้นมักลงรายละเอียดทั้งส่วนของมือ เท้า และ หน้าอก ตลอดทั้งตัวมักวาดภาพระบายสีลายพร้อย หรือขีดเขียนลายเส้นเรขาคณิตอย่างง่ายๆ รอบๆ ตัวของเธอ แต่ที่เป็นเอกลักษณ์พิเศษที่สุดก็คือ บนส่วนศีรษะของตุ๊กตาไดดาลาจะมี “สองใบหน้า” !
ประวัติศาสตร์ตุ๊กตาของตะวันตก มีการค้นพบตุ๊กตาไดดาลาดินเผาในสมัยอาร์เคอิคของกรีก ปัจจุบันตั้งแสดงอยู่ที่ พิพิธภัณฑ์โบราณคดีแห่งชาติ (National Archaeological Museum) กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ ตุ๊กตาไดดาลาที่พบนี้มีชื่อเรียกว่า “Athena Glaukopis” หรือก็คือ ประติมากรรมเทพีอเธน่าสองใบหน้า และยังมีความหมายแปลว่า เทพีอเธน่าหน้านกฮูก (“Owl – faced” Athena) นั่นเอง ! เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า เทพีอเธน่า (Goddess Athena) เป็นเทพีผู้เป็นธิดาที่เกิดจาก มหาเทพซีอุส หรือ ซุส (Zeus) อีกทั้ง อเธน่าไม่เพียงเป็นเทพีแห่งสันติภาพเท่านั้น นางยังเป็นเทพีแห่งภูมิปัญญา และความเฉลียวฉลาด ที่ชาวกรีกโบราณเคารพนับถืออย่างมาก คำว่า Glaukopis นั้นหมายถึง “นกฮูกจิ๋ว” ซึ่งเป็นสายพันธุ์ของนกฮูกตัวเล็ก ด้วยเหตุนี้ เทพีอเธน่าจึงมีสมญานามอีกนามหนึ่งว่า เทพีแห่งนกฮูก ( Owl-Goddess ) ทำให้นกฮูกจิ๋วได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์ประจำตัวของอเธน่า และสิ่งนี้เองที่ทำให้ชาวตะวันตกมีทัศนะที่แตกต่างไปจากชาวตะวันออกโดยสิ้นเชิง เพราะชาวตะวันตกมองว่า นกฮูกเป็นสัญลักษณ์ของปัญญา และความเฉลียวฉลาด ดังเช่นที่มีปรากฎในการใช้รูปนกฮูก เป็นเครื่องหมายประจำมหาวิทยาลัยหลายแห่งในยุโรป (รวมทั้งนกฮูกที่ได้กลายมาเป็น สัญลักษณ์สื่อสารประจำตัวของแฮร์รี่ พ็อตเตอร์ และผองเพื่อน ก็มาจากสาเหตุเดียวกันนี้)
ในมหากาพย์โอดิสซี (Odyssey) มีกล่าวถึงเทพีอเธน่า ได้เคยจำแลงร่างกลายเป็นนกฮูกโบยบินสู่ท้องฟ้า และเรียกพระนางว่า เป็นเทพีผู้เปี่ยมด้วยความชาญฉลาด มีดวงตาสีฟ้าอันเป็นประกายเจิดจรัส (bright-eyed) ดังนั้น ในวรรณกรรมโบราณของตะวันตก จึงมักมีการพูดถึงดวงตาสีฟ้า หรือ สีฟ้า-เทา ของอเธน่า ว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งประกายแห่งปัญญา ทำให้อเธน่า และนกฮูก ถูกนำมาใช้พูดถึงรวมกันเสมอ และเรียกอเธน่าว่าเป็น “เทพีตานกฮูก” (Owl-eyed Goddess) ก็เพราะสาเหตุนี้ นอกจากนี้ ยังมีอีกข้อสันนิษฐานหนึ่งที่กล่าวว่า เทพีอเธน่านั้นไม่ใช่ธิดาที่เกิดจากเทพซีอุส หากแต่เป็นธิดาของเทพแห่งท้องทะเลโพไซดอน (Poseidon) ดังนั้น จึงทำให้อเธน่ามีดวงตาเป็นสีฟ้าดั่งน้ำทะเล หลักฐานสำคัญอีกประการหนึ่งที่ยืนยันถึงนกฮูกซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งอเธน่านั้นก็คือ “เหรียญโบราณของนครเอเธนส์” (ชื่อคำว่า “เอเธนส์” (Athens) ก็มาจากชื่อของอเธน่า รวมทั้งมหาวิหารพาร์เธนอนบนเนินอโครโปลิส ก็สร้างขึ้นเพื่อถวายแด่เทพอเธน่าเช่นกัน) เพราะบนเหรียญเงินสมัยกรีกในนครเอเธนส์ ด้านหน้า(ด้านหัว) เป็นรูปของเทพีอเธน่า ส่วนด้านหลัง(ด้านก้อย) เป็นรูปนกฮูก ดังนั้น ย่อมประจักษ์ให้เห็นถึงที่มา และความสำคัญของเทพีอเธน่า และดวงตานกฮูก สัญลักษณ์แห่งหญิงผู้เปี่ยมด้วยภูมิปัญญา และความเฉลียวฉลาด ทำให้หญิงสาวชาวกรีกนิยมเก็บรูปเคารพ หรือประติมากรรมรูปเทพีอเธน่าไว้กับตัว และต่อมา ได้พัฒนาประติมากรรมรูปอเธน่าจนกลายไปเป็นรูปปั้นตุ๊กตาที่เรียกกันว่า “ ตุ๊กตาไดดาลา” (Daidala doll)
“ตุ๊กตาไดดาลาแห่งอเธน่าสองใบหน้า” (Daidala of Athena Glaukopis) ไม่เพียงใช้เป็นตัวแทนในการรำลึกถึงเทพีอเธน่า ยังเกี่ยวโยงสัมพันธ์ไปถึง เทศกาลโบราณของกรีกที่เรียกกันว่า “เทศกาลไดดาลา” (Daidala festival or Daedala festival) ซึ่งเป็นเทศกาลสำคัญที่จัดขึ้นทุกๆ 4 ปี (บางแห่งระบุว่าเป็น 7 ปี) และทุกๆ 59 ปี ก็จะเฉลิมฉลองครั้งใหญ่เรียกกันว่า “เทศกาลไดดาลาครั้งใหญ่” (Great Daidala festival) โดยในเทศกาลนี้ จะแกะสลักตุ๊กตาไม้เป็นรูปเทพีอเธน่า เรียกกันว่า “ตุ๊กตาไดดาลาสองหน้า” หรือ “ตุ๊กตาไดดาลาแห่งอเธน่าสองใบหน้า” และตุ๊กตาไดดาลานี้ยังมีความหมายอันลึกซึ้ง เพราะเป็นตุ๊กตาแห่งความปรองดอง หรืออาจเรียกได้ว่า เป็นตุ๊กตาแห่งความคืนดี ระหว่างชายและหญิง ที่แสดงออกซึ่งกันและกัน แต่สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจมากก็คือ ตุ๊กตาไดดาลาที่มาจากรูปอเธน่าสองใบหน้า ไม่ได้ใช้เพื่อบูชาเทพีอเธน่าแต่อย่างใด แต่กลับใช้ในการสรรเสริญพระเกียรติของเทพีฮีรา (Goddess Hera) ผู้เป็นมเหสีของเทพซีอุส ตามตำนานเล่าขานกันว่า พระนางฮีราทรงเบื่อหน่ายต่อพฤติกรรมความเจ้าชู้ของพระสวามี (เทพซีอุส) และยังริษยาในเทพีอเธน่า ธิดาคนโปรดของเทพซีอุสเป็นอย่างมาก จึงทรงย้ายหนีไปยัง โบลเธีย (Boeotia) และตั้งสัตย์ว่าจะไม่หวนย้อนกลับไปหาเทพซีอุสอีกเลย ยังความกลัดกลุ้มพระทัยให้แก่เทพซีอุสมาก ต่อมา เจ้านครคีเธรอน(Kithaeron) จึงแนะนำวิธีดีๆ ให้ซีอุสหาทางคืนดีกับพระนางฮีรา โดยการลวงว่า ซีอุสจะจัดพิธีอภิเษกสมรสครั้งใหม่ ดังนั้น จึงได้มีการสร้างตุ๊กตาหญิงงามที่นำมาจากรูปของเทพีอเธน่า ทำด้วยไม้แกะสลักและตั้งชื่อให้ว่า “ไดดาลา” (Daidala) โดยให้แต่งตัวตุ๊กตาไดดาลาให้เป็นเจ้าสาวคนใหม่และซ่อนไว้ภายในเกวียน จากนั้นก็แห่แหนอย่างเอิกเกริกไปตามรายทาง ข่าวคราวนี้ล่วงรู้ไปถึงพระนางฮีรา ด้วยความหึงหวง นางจึงรีบรุดมาสกัดขวางทางพิธีแห่ และหวังจะทำลายขบวนเจ้าสาว แต่เมื่อปรากฎว่าเป็นความเข้าใจผิดเพราะด้านในเป็นเพียงตุ๊กตาไม้เท่านั้น ทำให้เทพีฮีราเกิดความละอายพระทัย และยอมคืนดีกับเทพซีอุส จากนั้นมา ขบวนแห่ตุ๊กตาไดดาลาก็จะนำตุ๊กตาไม้ไปเผาให้เป็นเถ้าถ่านต่อไป ด้วยความที่ตุ๊กตาไดดาลา เป็นตุ๊กตาไม้โบราณของกรีก ดังนั้นเมื่อปี ค.ศ.2004 กรีกได้เป็นเจ้าภาพในการจัดมหกรรมกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน จึงได้นำแนวความคิดเรื่องการเฉลิมฉลองทุก 4 ปีของตุ๊กตาไดดาลามาใช้เป็นแนวความคิดในการออกแบบตัวนำโชค (Mascot) เป็นรูป “ตุ๊กตาไดดาลา” อีกทั้งยังสื่อความหมายถึง ความคืนดี ความปรองดอง และความสันติ ตามที่มาของเทศกาลไดดาลา และเทพีอเธน่า ทำให้ตัวนำโชค(Mascot) ในโอลิมปิก 2004 เป็นตัวการ์ตูนไดดาลา (แถมพ่วงด้วยเทพฟีวอส หรือ อะพอลโล มาคู่กัน เป็น Mascot คู่ชายหญิงของเทพ-เทพีองค์สำคัญแห่งโอลิมปัส)
เรื่องโดย ปิยะแสง จันทรวงศ์ไพศาล (17) ผลงานอื่นๆ ของ ปิยะแสง เช่น |
||||
แก้ไขล่าสุด ใน วันอาทิตย์ที่ 25 เมษายน 2010 เวลา 00:23 น. |